ชื่อผลงานนวัตกรรม จุกนิรภัย
ชื่อผู้เสนอผลงาน หอผู้ป่วยพิเศษชั้น 3
ชื่อ/ที่อยู่ของหน่วยงาน หอผู้ป่วยพิเศษชั้น 1 - 3/อาคาร
100 ปีสมเด็จพระศรีนครินทร์
ความเป็นมา
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะจากการคาสายสวนปัสสาวะ (catheter
associated urinary tract
infection; CAUTI) นั้นเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาลนานขึ้น
เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเพิ่ม
มากขึ้นและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
สถิติผู้ป่วยของหอผู้ป่วยพิเศษปี 2556 มีผู้ป่วยได้รับการใส่สายสวนปัสสาวะเฉลี่ย
5.22 ราย/วัน และมีอัตราการติดเชื้อจากการใส่สายสวนปัสสาวะเท่ากับ
0.5ครั้ง/1000วันอุปกรณ์
และเมื่อวิเคราะห์สาเหตุของการติดเชื้อจากการใส่สายสวนปัสสาวะ สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือปลายท่อถุงปัสสาวะสัมผัสพื้นจากการแขวนถุง/การปรับระดับเตียงต่ำหรือ
ถุงปัสสาวะถูกวางบนพื้น (ตามมาตรฐานควรต้องแขวนสายสวนปัสสาวะสูงจากพื้นประมาณ 15
ซม.) รวมถึงการที่ถุงปัสสาวะปิดไม่สนิทมีปัสสาวะหยดลงพื้นทำให้ระบบปัสสาวะไม่เป็น
closed system บุคลากรในหน่วยงานได้เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้ร่วมกันคิดเพื่อวางแผนแก้ไข
และมองเห็นว่าหัวจุกที่ปิดข้อต่อสายสวนปัสสาวะ สามารถนำมาปิดปลายถุงปัสสาวะได้ จึงดำเนินการจัดทำนวตกรรม “จุกนิรภัย”ขึ้นมา เพื่อให้พยาบาลสามารถปฏิบัติได้โดยง่าย เพื่อเพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วยที่ใส่สายสวนปัสสาวะให้ปราศจากการติดเชื้อ
และลดจำนวนวันนอนโรงพยาบาล
วัตถุประสงค์
1. เพื่อลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะจากการคาสายสวนปัสสาวะ
2. เพื่อลดการเกิดกลิ่นเหม็นภายในห้องพักผู้ป่วย
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.
ศึกษาสภาพปัจจุบัน ระหว่างวันที่ (1 - 7 กันยายน 2557)
หอผู้ป่วย
|
จำนวนผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ
(ราย)
|
จำนวนครั้งที่แขวนสายสวนปัสสาวะต่ำกว่า
15 ซม.(ครั้ง)
|
จำนวนครั้งถุงปัสสาวะปิดไม่สนิท(ครั้ง)
|
พิเศษ
1
|
26
|
20
|
26
|
พิเศษ
2
|
9
|
7
|
9
|
พิเศษ
3
|
3
|
2
|
3
|
รวม
|
119
|
29
|
119
|
2.
เป้าหมาย
2.1.
ลดจำนวนครั้งการแขวนถุงปัสสาวะต่ำกว่า 15 ซม.
2.2.
ลดจำนวนครั้งถุงปัสสาวะปิดไม่สนิท ทำให้น้ำปัสสาวะหกลงบนพื้น
3.
วิธีดำเนินการ
3.1
ทบทวนมาตรฐานการแขวนถุงปัสสาวะ จากการศึกษาเอกสาร /ตำรา /งานวิจัย พบว่า
การแขวนถุงปัสสาวะควรแขวนให้สูงจากพื้นประมาณ 15 เซนติเมตร
และควรให้ระบบสายสวนปัสาวะเป็นระบบปิดเสมอ
3.2
ประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงและมอบหมายการตรวจสอบการแขวนถุงปัสสาวะตามมาตรฐาน
3.3
พัฒนานวตกรรม
เพื่อให้ระบบสายสวนปัสาวะเป็นระบบปิด และ ไม่มีน้ำปัสสาวะไหลเปื้อนพื้นดังนี้
3.3.1 การเตรียมอุปกรณ์ ชุดถุงใส่ปัสสาวะ 1 ถุง
3.3.2 เปิดชุดถุงใส่ปัสสาวะ และดึงจุกจากปลายข้อต่อด้านที่จะต้องต่อกับสายสวนปัสสาวะของผู้ป่วย
3.3.3 นำจุกที่ดึงออกมาไปสวมที่ปลายถุงที่ใช้เทปัสสาวะทิ้ง ก็จะช่วยลดการปนเปื้อนที่ปลายถุงปัสสาวะได้
และทำให้เป็น closed system ตลอดเวลา
การพัฒนาต่อเนื่อง
มีการกระตุ้นให้บุคลากรในหน่วยงานได้นำ
“จุกนิรภัย” มาใช้ให้เป็นประโยชน์ และขยายผลให้หอผู้ป่วยพิเศษแต่ละชั้นนำไปใช้
ดำเนินการตรวจสอบ การแขวนถุงปัสสาวะตามมาตรฐาน ผลการตรวจสอบดังตาราง
หอผู้ป่วย
|
จำนวนผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ
(ราย)
|
จำนวนครั้งที่แขวนสายสวนปัสสาวะต่ำกว่า
15 ซม.(ครั้ง)
|
จำนวนครั้งถุงปัสสาวะปิดไม่สนิท(ครั้ง)
|
พิเศษ
1
|
22
|
17
|
2
|
พิเศษ
2
|
8
|
6
|
3
|
พิเศษ
3
|
3
|
2
|
2
|
รวม
|
33
|
25
|
7
|
ผลการดำเนินงาน
1. ผู้ป่วยและญาติมีการเฝ้าระวังในการแขวนถุงปัสสาวะ
และระวังปลายถุงปัสสาวะสัมผัสพื้นมากขึ้น
2.
พนักงานทำความสะอาดลดภาระในการทำความสะอาดพื้นห้องพักจากปัสสาวะหกรด
3. บุคลากรในหน่วยงานเกิดความพึงพอใจ
และนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
4. เป็นนวตกรรมที่ไม่ต้องใช้งบประมาณ
ตัวชี้วัดผลสำเร็จ
ตัวชี้วัด
(KPI)
|
เป้าหมาย
(Target)
|
ผลลัพธ์ที่ปฏิบัติได้
|
ผู้ป่วยติดเชื้อจากปลายถุงปัสสาวะสัมผัสพื้น
(ร้อยละ)
|
0
|
0
|
สรุปผลการดำเนินงาน
นวัตกรรมชิ้นนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
แต่ในทางปฏิบัติในหน่วยงาน ระยะแรกยังไม่ได้มีการทำทุกราย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ลืม
จึงทิ้งจุกหลังสวนปัสสาวะ ต่อมาได้มีการกระตุ้นเตือนจึงเริ่มใช้ “จุกนิรภัย”กันมากขึ้น
และบางรายรับย้ายมาจากหน่วยงานอื่นผู้ป่วยใส่สวนปัสสาวะมาแล้วโดยไม่ได้ปิดจุกมาให้ จึงจะขยายผลแก่หน่วยงานอื่น ๆ
ได้นำไปใช้เพื่อให้มีการดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น