ชื่อโครงการ
แนวปฏิบัติการพยาบาลในการทำแผลแบบสูญญากาศ
ในผู้ป่วยแผลเท้าเบาหวานชนิดปลายประสาทเสื่อม
โดย หอผู้ป่วยศัลยกรรม 3 โรงพยาบาลพระพุทธบาท
ที่มาของปัญหา/หลักการและเหตุผล
เนื่องจากในหอผู้ป่วยศัลยกรรม 3
เป็นหอผู้ป่วยที่รับผู้ป่วยที่มีแผลทั้งจากอุบัติเหตุและเนื้อหนังเน่า แผลเบาหวาน พบว่าแผลที่ดูแลยาก
มีอัตราการหายชองแผลที่ช้าและมีอาการเจ็บปวดมาก คือ แผลที่มีขนาดใหญ่ ต้องได้รับความเจ็บปวดจากทำแผลวันละ 2
ครั้งหรือเมื่อมีการเปียกชุ่มของแผล การหายของบาดแผลที่ช้าลงอาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อน
เช่น การติดเชื้อ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
เพิ่มระยะเวลาการอยู่โรงพยาบาล เพิ่มค่าใช้จ่าย
สภาพจิตใจของผู้ป่วยจะได้รับผลกระทบไปด้วย
การจัดการกับผู้ป่วยที่มีแผลนั้นมีแนวคิดที่มีความสำคัญในการเตรียมความพร้อมของแผลให้หายอย่างมีประสิทธิภาพ
คือ การเตรียมพื้นของแผล เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการหายของแผลตามปกติ การกำจัดเนื้อตาย
(debridement ) ก็ไม่สามารถช่วยให้แผลหายได้อย่างเหมาะสม
ซึ่งวิธีทำให้แผลหายเร็วมีด้วยกันหลายวิธี
แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันจึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแผล และ
สภาพของผู้ป่วยแต่ละคน ในปี 2553หอผู้ป่วยศัลยกรรม 3 มีผู้ป่วยที่เป็นแผลเบาหวานชนิดปลายประสาทเสื่อมและเนื้อหนังเน่า
จำนวน 25 ราย พบว่าค่าใช้จ่ายบางราย 125,000บาท
ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลมากกว่า 90
วันบางรายต้องตัดอวัยวะระดับนิ้วเท้าจนถึงเหนือเข่า
ซึ่งนอกจากจะเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ และยังมีค่าใช้จ่ายของญาติในการเฝ้าไข้หรือเยี่ยม
ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดในการดูแลแผลผู้ป่วยดังกล่าวจะสามารถลดความเจ็บปวดทุกข์ทรมาณจากการทำแผล
รวมถึงความคุ้มทุนในการรักษาของโรงพยาบาลรวมทั้งภาวะเศรษฐฐานะของครอบครัวของผู้ป่วย
ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ป่วยในการดูแลแผลโดยการกำจัดเนื้อตาย
สารขับหลั่ง ลดเชื้อแบคทีเรีย เตรียมพื้นแผลเพื่อส่งเสริมการหาย เพิ่มเลือดมาเลี้ยง
และช่วยให้ผู้ป่วยบรรเทาความเจ็บปวดลง โดยวิธีการทำแผลแบบสูญญากาศดังนั้นจึงได้ศึกษาและรวบรวมเพื่อทำเป็นแนวปฏิบัติการพยาบาลในการนำไปใช้ในการทำแผลผู้ป่วย
วัตถุประสงค์
1.เพื่อทราบกลไกการทำงานของ
การทำแผลแบบสูญญากาศ ในการส่งเสริมการหายของแผล
2.เพื่อส่งเสริมให้เกิดการนำ การทำแผลแบบสูญญากาศ (Vacuum-Assisted
Closure : VAC) ไปใช้ได้จริง
วิธีการดำเนินงานหรือวิธีการศึกษา
1.รวบรวมและวิเคราะห์สถานการณ์ของแผลเนื้อหนังเน่าและแผลเรื้อรังเบาหวานที่เท้าชนิดปลายประสาทเสื่อมและการทำแผลแบบสูญญกาศ
2. ศึกษาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการทำแผลที่เท้าเบาหวานและวิธีการทำแผลด้วยระบบสูญญกาศ
3 จัดทำขั้นตอนและวิธีการทำแผลตามแนวปฏิบัติการพยาบาลแบบสูญญกาศดังนี้
3.1 แผลเรื้อรังต้องผ่านการทำ surgical
debridement และการติดเชื้อลดลง
3.2. ประเมินขนาดของแผล
3.3. ฟองน้ำชนิดความละเอียดของรูประมาน 400-600 .ผ่านการอบแก๊สนำมาตัดให้ขนาดพอดีกับขนาดของแผล
3.4.เจาะเปิดฟองน้ำเพื่อใส่สายNG tube เข้าไปประมาณ 2 ใน 3 ของฟองน้ำ
3.5. วางฟองน้ำลงบนแผลจัดให้พอดีกับขอบแผลหลังจากนั้น ปิดด้วยopsite flexifix
3.6. ต่อสายNG TUBE กับเครื่องดูดเปิดแรงดันที่ใช้
90-125 มิลลิเมตรปรอท
3.7. เมื่อเปิดเครื่องsuction ตรวจสอบว่าสามารถดูดจนเป็นสูญญกาศโดยดูที่ฟองน้ำยุบตัวลงชิดกับเนื้อแผลอย่างดีเปิดให้ทำงานตลอดเวลาสามารถปิดได้ถ้าผู้ป่วยไปเข้าห้องน้ำห้ามให้เปียกน้ำ
3.8 . ประเมินแผลทุกวันที่ทำเพื่อจำนวนของสารคัดหลั่งถ้ามีมากจนชุ่มทั้ง
แผ่นฟองน้ำให้เปลี่ยนแผลได้ถ้าไม่ชุ่มไว้ 2-3 วันประเมินอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนdressing
3.9. เปลี่ยนแผลโดยการล้างด้วย NSS ให้ชุ่มล้างเศษฟองน้ำให้สะอาดวัดและประเมินแผลซ้ำเพื่อพิจารณวางแผนการทำการรักษาต่อ
1.
ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่มีความพึงพอใจในการทำแผลด้วยวิธีดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ
95
2.
ลดระยะการนอนโรงพยาบาลได้มากกว่า
10 วัน
3.
ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้มากขึ้น
4.
ลดความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานจากการทำแผล
ตารางเปรียบเทียบก่อน-หลังการศึกษา
ตัวชี้วัด
|
ปี 2553
N=25
|
ปี 2555
N=13
|
ปี 2556
N=18
|
ปี 2557
N=15
|
ความพึงพอใจในการทำแผลแบบสูญญกาศ (เจ้าหน้าที่และผู้ป่วย)
|
NA
|
85
|
90
|
95
|
ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาล(เฉลี่ย)
|
101
|
48
|
36
|
27
|
ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล(เฉลี่ย)
|
125,000
|
65,000
|
50,000
|
23,500
|
ระดับความเจ็บปวดขณะทำแผล
|
10
|
3-5
|
3-5
|
3-5
|
การนำไปใช้ในงานประจำ
1.
สามารถนำไปทำแผลในผู้ป่วยที่ไม่ไช่แผลเบาหวาน
2.
ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่
บทเรียนที่ได้รับ
- ปัจจัยพื้นฐานที่ส่งเสริมการหายประกอบด้วย
อายุ อาหาร ระดับน้ำตาลในเลือดและการดูแลตนเอง
- ห้ามใช้ในผู้ที่มีภาวะเลือดออก
ห้ามใช้บนหลอดเลือด และผู้ที่มี enteric fistula ที่มีการระบายออกมา
- การทำแผลให้เป็นระบบปิดช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อ granulation เพิ่มangiogenesisให้สามารถงอกข้ามกระดูกและเส้นเอ็นได้ ช่วยให้ slough หลุดและ eschar อ่อนตัว และลดจำนวนเชื้อแบคทีเรีย
- ควรวางแผ่นฟองน้ำให้สัมผัสพื้นแผลเท่าแผลทุกส่วนและลอกแผ่นฟองน้ำออกหมดทุกครั้งที่เปลี่ยนแผลโดยปิดเครื่องดูดก่อนเพื่อป้องกันเนื้อแผลบาดเจ็บและมีเลือดออกมาก
- ใช้ได้ผลดีแต่มีปัญหาบ้างในเรื่องของการปรับขนาดแรงดันลบ
ปรับได้ตั้งแต่ 90
-200 mmHg และเลือกทำได้ทั้ง 2 แบบ คือแบบที่เครื่องดูดทำงานตลอดเวลา(Continuous)
และแบบทำงานสลับกับพัก โดยทั่วไปใช้แรงดันลบ
125 mmHg เปลี่ยนแผลทุก 2 วัน
ตั้งเครื่องให้ทำงานตลอดเวลา หรือทำงาน 5 นาที สลับพัก 2
นาที(เนื่องจากงานวิจัยพบว่าได้ผลดีที่สุด)
ประโยชน์ของการทำแผลแบบสุญญากาศ
1. ลดการบวมของแผลและเนื้อเยื่อใกล้เคียง
ทันทีที่เปิดเครื่องดูด
2. เพิ่มปริมาณเลือดมาสู่แผล ผลจากแรงดูดระหว่างเนื้อเยื่อแผลกับแผ่นฟองน้ำทำให้เลือดไหลมาสู่ผล
3.กระตุ้นการงอกใหม่ของเซลล์ แรงจากการยืด (mechanical
stretching)
4. ลดแบคทีเรียในแผล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น