ทุกชีวิตเกิดมาไม่มีใครรู้หรอกว่า
เราจะต้องมาพบเจอกับอะไรบ้าง
บางชีวิตเกิดมาเพียบพร้อมไปทุกอย่างทั้งทรัพย์สินเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียง และครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
แต่สำหรับชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งช่างอาภัพไร้บุญวาสนายิ่งนัก ไม่มีทั้งทรัพย์สินเงินทองและที่อยู่อาศัย ต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์
ขาดทั้งความรักความอบอุ่นที่ควรจะได้รับจากพ่อแม่เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
แม้แต่ชีวิตเธอก็ยังไม่สามารถจะรักษาไว้ได้
เหลือความหวังสุดท้ายที่จะได้พบหน้าแม่ก่อนลมหายใจจะหมดไปก็ยังไม่ได้ดังใจปรารถนา ใครหนอ...ลิขิตชีวิตเธอ
ก่อนจะเขียนเล่าเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนนี้ดิฉันก็ต้องขออนุญาตต่อดวงวิญญาณของเด็กน้อยผู้จากไปที่ได้นำเรื่องราวของเธอมาเปิดเผยซึ่งผิดหลักจรรยาบรรณของวิชาชีพ ถ้าสิ่งใดล่วงเกินไปด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามต้องขอขมาต่อดวงวิญญาณของหนูน้อยมา
ณ ที่นี้ด้วย
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเกิดมาพร้อมกับชะตากรรมที่อาภัพเหลือเกิน
ที่ใครฟังเรื่องราวของเธอแล้วต้องสะเทือนใจไปกับชีวิตของเธอ ขอเรียกเธอว่า
“ น้องอี๊ฟ ” น้องอี๊ฟเป็นเด็กผู้หญิงอายุ
10 ปี เป็นเด็กสถานสงเคราะห์ที่อำเภอพระพุทธบาท
เธอต้องมาอยู่ในสถานสงเคราะห์เพราะแม่ไม่สามารถเลี้ยงบุตรจำนวน 4 คนได้
ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง เธอเป็นลูกคนที่ 3 มีพี่สามและพี่ชาย
และน้องชายซึ่งก็มีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ
และปัญญาอ่อน ต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์ที่ปากเกร็ดเพื่อรักษาตัวเพราะที่บ้านฐานะยากจน ส่วนพ่อก็เสียไปแล้ว
และอีกสาเหตุหนึ่งที่ครอบครัวต้องแตกแยกกันไป เพราะเธอถูกพี่ชายของเธอกระทำชำเรา แม่จึงต้องแยกเธอออกมาเพื่อให้พ้นจากพี่ชาย และทุกคนต่างแยกกันไปคนละทิศละทาง โดยปกติแม่เธอจะมาเยี่ยมน้องอี๊ฟเดือนละ 1 - 2
ครั้ง
มาแต่ละครั้งน้องอี๊ฟก็จะเอาเงินค่าขนมที่เธอเก็บไว้ในแต่ละวันรวบรวมเอาไว้ไปให้แม่ของเธอนำเอาไปให้น้องของเธอที่ปากเกร็ดเสมอ น้องอี๊ฟเป็นเด็กดีขยันเล่าเรียนมีน้ำใจ
ครูทุกคนในสถานสงเคราะห์รักและเอ็นดูเธอ
แล้ววันหนึ่ง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับน้องอี๊ฟ เธอมีอาการปวดท้อง ท้องอืดไม่ขับถ่ายมาหลายวัน
ความที่เธอเป็นคนอดทนไม่ค่อยพูด
เธอไม่บอกใครจนเธอทนไม่ไหวไปบอกครูพี่เลี้ยงให้พามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาล
แพทย์ตรวจพบว่าไส้ติ่งแตกจึงได้ทำการผ่าตัด
หลังผ่าตัดอาการน่าจะดีขึ้น แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ อาการกลับแย่ลงจนเกิดภาวะช็อก
ความดันตก แพทย์และพยาบาลให้การดูแลและรักษาอย่างดีที่สุด
ใช้ยาที่แพงมากแต่อาการก็ยังกลับทรุดลงเรื่อยๆ
จนแพทย์ต้องให้ตามญาติมารับทราบข้อมูล
แต่เธอไม่มีญาติมาเยี่ยมเลย
มีเพียงครูพี่เลี้ยงที่มาเยี่ยมเธอ คุณครูพี่เลี้ยงบอกว่าจะติดต่อตามญาติให้มาเยี่ยม และช่วงเย็นก็มีผู้หญิงมาเยี่ยมน้องอี๊ฟ
วันนั้นดิฉันไม่ได้ขึ้นเวรเพิ่งกลับมาจากการประชุม ได้แวะไปที่ตึกเพื่อดูอาการของน้องอี๊ฟ ได้พบพี่สาวของน้องอี๊ฟ เธอบอกว่าเธอเป็นพี่สาวคนโตของน้องอี๊ฟ
ดิฉันได้พาพี่สาวไปนั่งพูดคุยซักถามจนได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดของน้องอี๊ฟและยังทราบว่าแม่ของน้องอี๊ฟอยากมาเยี่ยมลูกเหลือเกิน แต่ไม่สามารถจะมาได้เพราะเธอ “ ติดคุกอยู่ ”
ดิฉันฟังแล้วก็ให้นึกสังเวชใจในโชคชะตากรรม
แต่น้องอี๊ฟเธอไม่รู้เลยว่าแม่เธอติดคุก เธอเฝ้ารอแม่ของเธอทุกๆ วัน
แม่ไม่มาหาเธอเลย เธอได้แต่รอและก็รอ โดยไม่รู้สาเหตุว่าทำไมแม่ไม่มาหาเธอ จนถึงวันนี้น้องอี๊ฟก็ยังรอแม่เธอเสมอ
ดิฉันฟังเรื่องราวของน้องอี๊ฟก็รู้สึกสงสารเธอเป็นอย่างมาก
ปรารถนาให้น้องอี๊ฟและแม่ของเธอได้พบกันสักครั้ง แม้จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายก็ตาม จึงได้ปรึกษาทีม Palliative care ให้ช่วยติดต่อประสานงานเผื่อจะมีหนทางช่วยเหลือบ้าง แต่ช่วงนั้นติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่มีใครสามารถตัดสินใจได้ต้องรอถึงวันจันทร์
แต่ก็ไม่ทันเวลาเสียแล้ว
เพราะน้องอี๊ฟไม่สามารถจะอยู่ทนรออีกต่อไปได้ ดิฉันและพี่สาวของเธอได้เข้าไปหาน้องอี๊ฟ
เข้าไปจับมือแล้วก็ภาวนา
ขอบุญกุศลที่ทำมาและอำนาจของคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาล
ช่วยให้น้องอี๊ฟมีอาการดีขึ้น
หรืออย่างน้อยก็อยู่จนได้พบหน้าแม่ของเธอเป็นครั้งสุดท้าย
ได้บอกให้เธอสวดมนต์ไว้เผื่อจะมีปาฏิหาริย์ แต่อนิจจา...สำหรับน้องอี๊ฟแล้ว...
ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง หัวใจของน้องอี๊ฟค่อยเต้นแผ่วลงๆ เรื่อยๆ
พี่สาวของเธอเข้าไปลูบผมของน้องสาวเบาๆ
และพูดกับน้องของเธอว่า
“น้องอี๊ฟพี่อยู่ตรงนี้แล้วตอนนี้แม่ไม่สามารถมาหาน้องได้นะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ
เดี๋ยวแม่จะมาทีหลัง พี่นี่แหละจะเป็นตัวแทนของแม่เอง ” ดิฉันเห็นน้ำตาของน้องอี๊ฟไหลออกมาอาบสองแก้มของเธอ
ฉันเฝ้ามองภาพนั้นด้วยความสะเทือนใจไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป
ต้องรีบเดินออกไปเพื่อทำใจสักครู่ใหญ่
แล้วเดินไปดูเธออีกครั้ง น้องอี๊ฟดูสงบนิ่งไม่ทุรนทุรายเหมอนแรกๆ
มองไปที่เครื่อง Monitor EKG หัวใจของเธอเต้นช้าลงเหลือ
46 ครั้ง รีบเรียกทีมเพื่อทำ CPR เพราะญาติยังอยากให้รอแม่ก่อน
ทำไปแค่ 17 นาที พี่สาวและครูพี่เลี้ยงก็มาบอกให้หยุด CPR เพราะสงสารน้องอี๊ฟ
ให้น้องไปอย่างสงบเถิด ทุกคนในที่นั้นก็หยุดทำ ตามความปรารถนาของญาติ
แต่การเต้นของหัวใจยังไม่หยุดนิ่งสนิท ยังมีช้าๆ แผ่วๆ ดิฉันได้บอกแพทย์ พยาบาล
พี่สาวและครูพี่เลี้ยงให้มายืนรอบๆ ร่างของน้องอี๊ฟ
และบอกทุกคนให้ตั้งจิตอุทิศบุญกุศล พร้อมขออโหสิกรรมต่อน้องอี๊ฟพร้อมกัน โดยมีดิฉันเป็นผู้กล่าวนำ “
หากแพทย์พยาบาลและทุกคนในที่นี้ได้เคยล่วงเกินน้องอี๊ฟ ด้วยกาย วาจา ใจ
โดยความตั้งใจก็ตามหรือไม่ตั้งใจก็ตามต้องขออโหสิกรรมต่อน้องอี๊ฟด้วย
และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลที่ทุกคนได้ทำมาดีแล้ว
ขอจงดลบันดาลให้น้องอี๊ฟไปสู่สุคติภูมิด้วยเถิด สาธุ ”
น้องอี๊ฟจากไปด้วยความสงบด้วยใบหน้าที่ยิ้มพราย
เธอคงอยู่ในดินแดนที่สุขสบายแล้ว
ด้วยความดีและความบริสุทธิ์ของเธอ
ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับชีวิตที่ผ่านมาอีกแล้ว หลับให้สบายเถอะนะน้องอี๊ฟผู้น่าสงสาร
หลังจากนั้นดิฉันและแพทย์ก็ร่วมติดต่อประสานงานขอรถโรงพยาบาลไปส่งน้องอี๊ฟ
และขอบริจาคโรงศพ เพราะญาติไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อโรงศพเพื่อใส่ร่างน้องอี๊ฟ ซึ่งก็มีคุณครูพี่เลี้ยงร่วมกันบริจาคโรงศพมาให้น้องอี๊ฟ ดิฉันร่วมไปส่งน้องอี๊ฟกลับบ้านของเธอ
ได้บอกกับน้องอี๊ฟว่า ได้กลับบ้านเสียทีนะ บ้านที่หนูจากมาและคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
วันนี้ได้กลับบ้านจริงๆ เสียที
พี่สาวของเธอก็ยังอยากให้แม่มาร่วมงานศพของน้องอี๊ฟเป็นครั้งสุดท้าย
ดิฉันได้ติดต่อประสานงานกับทีม Palliative care ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่สามารถจะให้แม่ของเธอมาร่วมงานศพได้เพราะผิดระเบียบของกรมราชทัณฑ์
ดิฉันก็ยังไม่ละความพยายาม
โทรไปที่เรือนจำเจอกับเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ได้อธิบายกฎระเบียบว่าผู้ต้องหาต้องติดคุก 2 ใน 3
ของจำนวนปีที่ได้รับโทษจึงจะอนุญาตให้ออกมาข้างนอกได้ ซึ่งแม่ของน้องอี๊ฟยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะออกมาได้ ดิฉันรู้สึกผิดหวังแต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร
ได้ขอโทษพี่สาวของน้องอี๊ฟที่ไม่สามารถจะทำให้ความหวังครั้งสุดท้ายของน้องอี๊ฟเป็นจริงได้
ซึ่งพี่สาวของน้องอี๊ฟก็เข้าใจ
ได้นำเงินที่ร่วมกันบริจาคมอบให้พี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอก็ขอบคุณในความมีน้ำใจของเจ้าหน้าที่ทุกท่าน
สุดท้ายนี้ต้องขอโทษน้องอี๊ฟ
และญาติๆ
เธอด้วยทีดิฉันไม่สามารถจะทำให้ความหวังครั้งสุดท้ายของน้องอี๊ฟเป็นจริงได้
แม้ลมหายใจของเธอจะหมดไปแล้วแต่เธอก็ยังไม่ได้รับในสิ่งที่เธอปรารถนา ไปดีเถิดนะน้องอี๊ฟผู้น่าสงสาร ชาตินี้หนูถูกลิขิตด้วยชะตากรรมแต่สำหรับชาติหน้าหนูลิขิตชีวิตตนเองได้ด้วยความดีที่ทำมา
หลับให้สบายเถอะนะคนดี
ถ้าความดีที่ดิฉันทำมาทั้งชีวิตมีอนุภาพ
ขอจงเป็นพลวปัจจัยส่งให้น้องอี๊ฟไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเถิด สาธุ ...
บทสรุปสุดท้าย
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีใครลิขิตชีวิตเราแต่เราเป็นผู้ลิขิตชีวิตตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา
ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตามล้วนเกิดจากผลการกระทำของเราทั้งสิ้น
สุขหรือทุกข์เราเป็นผู้เลือกเองและทำเองและเราก็เป็นผู้ได้รับผลของการกระทำนั้น ไม่ว่าวันนี้
วันหน้า ตลอดจนถึงข้ามภพข้ามชาติเราก็จะได้รับผลของการกระทำนั้นแน่นอน ไม่มีอะไรอยู่เหนือกฎแห่งกรรม
เพราะ..กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
นางศรีไพร ภิญโญ
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
โรงพยาบาลพระพุทธบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น