วันหนึ่งหลังจากหยุดพักผ่อนมาหลายวัน
ฉันขึ้นปฏิบัติงานเวรบ่าย ซึ่งบางเวรก็ ยุ่งสุดๆเหมือนกัน ทั้งรับใหม่
รับย้ายและกลับบ้าน ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเป็นอย่างดีก่อนมาทำงาน เวรบ่ายวันนั้น ฉันได้รับมอบหมายเป็นตำแหน่ง Member ซึ่งทุกคนก็ต่างทำหน้าที่ในงานที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งอกตั้งใจ บรรยากาศค่อนข้างเงียบ จำนวนผู้ป่วยไม่มาก
ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ตื่นเต้นเกิดขึ้น เวลาประมาณ 18.00 น. ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหัวหน้าเวรรับOK
Admit ผู้ป่วยจาก OPD นอกเวลา 2 คน ทันทีที่วางโทรศัพท์
เสียงกริ๊งที่ 2 ก็ดังขึ้น ครั้งนี้รับย้ายผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบจากตึกพิเศษ 1 คน
และต่อมารับใหม่จาก ER 1คน บรรยากาศในWard คึกคักขึ้นทันที พยาบาลและผู้ช่วยเหลือคนไข้
ต่างช่วยกันเคลื่อนย้ายเตียงผู้ป่วยเพื่อรับใหม่และรับย้าย อย่างค่อยข้างวุ่นวายแข่งกับเวลา
เพื่อเตียงจะได้พร้อมรับเมื่อผู้ป่วยมาถึงตึก
โดยจัดเตรียมเตียง 9 ซึ่งอยู่ใกล้เคาน์เตอร์พยาบาลไว้รองรับผู้ป่วยถูกงูกัดเพื่อสามารถสังเกตอาการผู้ป่วยได้ใกล้ชิด
“รับใหม่จาก ER ลงเตียงไหนครับ” พนักงานเปลรายงานตัวเสียงดังฟังชัด “เตียง 1 ค่ะ” ฉันบอกพร้อมกับช่วยย้ายผู้ป่วยลงเตียง “สวัสดีค่ะคุณป้า งูอะไรกัด
เห็นตัวมันหรือเปล่าค่ะ”
ฉันซักประวัติและตรวจร่างกาย “ฉันเห็นงูตัวสีดำ มันไวมากๆ ฉกที่เท้าซ้าย” ผู้ป่วยหญิงชราอายุ 71 ปี บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นตกใจ
ขณะพูดคุยซักถามอาการฉันเปิดผ้าก๊อสที่ปิดแผลออกดูเพื่อประเมินลักษณะบาดแผล จากประสบการณ์ที่ทำงานมามากกว่า 10 ปี ทำให้ฉันสังเกตพบว่า
รอยแผลที่ถูกงูกัดมันผิดปกติจากที่เคยพบมา ฉันคิดในใจ “มันอาจจะเกิดจากงูเห่า” เพราะลักษณะของรอยเขี้ยวที่ถูกกัด จุดสีดำและรอบๆแผลแดงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่นาทีผู้ป่วยบ่นปวดมากและเริ่มกลืนลำบาก กระสับกระส่าย เป่าPeak Flow < 200
ml นายแพทย์ธนากรรายงานแพทย์Staff
อายุรกรรม และสั่งให้ฉันออกมาจากเตียงโดยที่ไม่ได้บอกญาติและผู้ป่วยเพื่อไม่ให้วิตกกังวลมากขึ้น ฉันมาปรึกษากันในทีมพยาบาล หัวหน้าเวรเข้าไปประเมินซ้ำและลงความเห็นเหมือนฉัน จึงรีบรายงานแพทย์เวรใน นายแพทย์ธนากรหลังจากรับรายงานจากพยาบาล ก็ให้ความใส่ใจผู้ป่วยดีมาก
รีบขึ้นตรวจอาการผู้ป่วยทันที ช่วงนี้ผู้ป่วยรู้ตัวรู้เรื่องแต่หายใจเหนื่อยหอบมากขึ้น
เริ่มมีหนังตาตก เตรียมผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ ขณะใส่ท่อช่วยหายใจผู้ป่วยดิ้นไปมา ใส่ยากมากจน Vocal Cord บวม เริ่มมีจุดเลือดออกตามเยื่อบุในคอ
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด พยาบาลหัวหน้าทีมปรึกษาแพทย์ขอให้พยาบาลวิสัญญีมาช่วยอีกแรง
เวลาไม่นานพยาบาลวิสัญญีก็มาถึง พี่เตี๋ยวของเราเก่งมากๆและใจเย็นมาก
ทำให้สถานการณ์เปลี่ยน ทีมพยาบาลและแพทย์ร่วมมือกันแข็งขัน การใส่ท่อช่วยหายใจสำเร็จไปได้ด้วยดี
และรีบย้ายผู้ป่วยลงตึก ICU1 ขณะที่จะย้ายผู้ป่วยลง ICU1
หัวหน้าทีมให้ผู้ช่วยเหลือคนไข้น้องศิริพร ไปรับยาด่วนCobra
Antivenum จากห้องยา เพื่อที่จะได้เริ่มยาทันทีที่ถึงตึกICU1 ฉันรู้สึกว่าน้องศิริพรที่ปกติดูเหมือนคนไม่ค่อยมีแรง ในเวลานั้นช่างเดินได้รวดเร็วทันใจจริงๆ เมื่อฉันไปส่งผู้ป่วยที่ ICU1 ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี เจ้าหน้าที่น่ารักทุกคน
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไป ฉันได้ติดตามสอบถามอาการผู้ป่วย ทราบว่าเธอปลอดภัย อาการดีขึ้นย้ายไปอยู่ห้องพิเศษได้
แต่ยังมีแผลที่เท้าที่ต้องได้รับการดูแลต่อไป
จากเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ฉันและทีมการพยาบาลรู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ได้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
เราไม่มีเสียใจที่ได้เกิดมาในวิชาชีพพยาบาลได้มีโอกาสดูแลผู้ที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยและท้ายสุดต้องขอกล่าวชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ทีมสหสาขาวิชาชีพทุกสาขาที่ให้ความร่วมมือ
ร่วมคิด ร่วมแรง ร่วมแก้ไข
และร่วมดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยจนสามารถรอดพ้นจากนาทีชีวิต
สยบอันตรายจากพิษของงูเห่าตัวนี้ได้ ขอยืนหยัดสู้ๆๆคะ
บันทึกเรื่องเล่าโดย
นางสาวอมาวสี มั่นจิตร
พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
หอผู้ป่วยอายุรกรรม 4
บรรณาธิการเรื่องเล่าโดย นางกาญจนา
สรรพคุณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น