ความประทับใจจากการให้…
ก่อนขึ้นปฏิบัติงานทุกครั้ง
พวกเราชาว
ER จะเป็นเหมือนๆกันคือ
ภาวนาว่าวันนี้ขออย่าให้ยุ่ง เช้านี้เป็นวันแรกของสัปดาห์ ฉันต้องรีบเดินทางไปทำงานโดยมีพ่อบ้านขับรถไปส่งถึงโรงพยาบาลประมาณ
7.30 น. เมื่อเปิดประตูห้องฉุกเฉินย่างก้าวเข้าไปสายตาก็กวาดไปทั่วห้อง
บรรยากาศของเวรดึกดูไม่ค่อยยุ่งสักเท่าไหร่ มีคนไข้รอตรวจ 2-3 ราย ทักทายเวรดึกตามประสาพี่น้อง เซ็นชื่อทำงาน ดูแลความเรียบร้อยห้อง Observe
หลังจากนั้นก็รับเวร ร่วม Conference เสร็จสรรพก็ประมาณ 8 โมง 45 นาที
วันนี้ฉันทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยที่ต้องสังเกตอาการในห้อง
observe
และช่วยดูแลผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินด้วย บรรยากาศการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น คนไข้ทยอยมารับบริการตลอด
เสียงพยาบาลรุ่นพี่
ตะโกนมา “รินทร์ช่วยพ่นยาให้เด็ก 1 คน” ฉันรับบัตรมาดู
order
แพทย์ แล้วเตรียมยาสำหรับพ่นให้เด็ก คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 6 เดือน ผิวขาว
หน้าตาน่ารักมาก ส่วนแม่เด็ก รูปร่างผอม ผิวคล้ำ ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ขณะพ่นยา เด็กดิ้นและร้องไห้ตลอด ฉันจึงช่วยแม่จับเด็ก
ทำให้มีเวลาพูดคุยกับแม่เด็ก
“เด็กเป็นลูกคนที่เท่าไหร่จ๊ะ ” ฉันเริ่มชวนคุย
“ลูกคนแรกค่ะ” แม่เด็กตอบ
“มีญาติมาด้วยหรือเปล่า
พ่อเด็กมาด้วยมั้ย ” ฉันถามต่อ
แม่เด็กสีหน้าสลดลง
ก้มหน้าอยู่ชั่วขณะ ฉันรู้สึกว่าเขาคงมีเรื่องไม่สบายใจ เมื่อแม่เด็กเงยหน้าขึ้น
ฉันจึงสบตาและยิ้มให้ เพื่อสื่อสารว่า
ฉันกำลังรอฟังเรื่องราวของเขาอยู่ด้วยความเต็มใจ
“ สามีหนูเป็นคนมอญ เราอาศัยอยู่ด้วยกันที่ห้องเช่าหลังโรงพยาบาลพระพุทธบาท หนูดูแลแม่อายุ 60 ปี ที่ป่วยเป็นเบาหวาน สามีและหนูมีอาชีพรับจ้างทั่วไป หนูอยากมีลูกมาก
ส่วนสามีไม่อยากมีลูกเพราะกลัวไม่มีเงินเลี้ยง ต่อมา หนูตั้งท้องแต่ไม่กล้าบอกสามี ในที่สุดเขาก็รู้และมีปากเสียงกัน หลังจากนั้นก็หนีจากไปโดยไม่ติดต่อมาเลย หนูต้องอยู่อย่างยากลำบาก เลี้ยงลูกด้วยตัวเองและยังดูแลแม่ด้วย”
พอได้ฟังเรื่องราวของแม่เด็ก ฉันมีความรู้สึกว่า
สงสารทั้งแม่และเด็กที่ต้องอยู่โดยไม่มีพ่อคอยดูแล และต้องทำงานคนเดียวเลี้ยงคนในครอบครัว ก็เลยถามต่อว่า
“เธอให้ลูกกินนมอะไร”
“ให้กินนมข้นหวาน ชงใส่ขวดให้ดูด เพราะหนูไม่มีน้ำนมและไม่มีเงินซื้อนมผง แล้วลูกก็กินเก่งด้วย
หนูเคยได้ยินว่านมข้นหวานมันไม่ดีต่อเด็ก พยาบาลเขาบอก แต่หนูไม่มีทางเลือก”
หัวใจของคนเป็นแม่ ความรู้สึกในตอนนั้นฉันสงสารเด็กมาก
ฉันจะมีวิธีช่วยเขาได้อย่างไร จริงซิลูกฉันที่อายุใกล้เคียงกับลูกเขา แพ้โปรตีนนมวัว ไม่สามารถที่จะกินนมที่มีส่วนผสมของนมวัวได้
ฉันจะมีวิธีช่วยเขาได้อย่างไร จริงซิลูกฉันที่อายุใกล้เคียงกับลูกเขา แพ้โปรตีนนมวัว ไม่สามารถที่จะกินนมที่มีส่วนผสมของนมวัวได้
และก่อนหน้าที่ลูกจะแพ้นมวัว
ฉันได้ซื้อนมผงที่มีส่วนผสมนมวัวสำหรับเด็กเล็กมาไว้ 1 ลัง และญาติซื้อมาให้อีก 1
ลัง รวมทั้งหมด 2 ลัง และยังไม่ได้นำไปเปลี่ยนที่ร้านค้าที่ซื้อมา
“พรุ่งนี้เธอมาหาพี่นะ
พี่จะเอานมมาให้ 2 ลัง” ฉันบอกแม่เด็ก
“ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณจริงๆ หนูมีนมดีๆกินแล้วนะลูก
หนูต้องขอบคุณป้าด้วยนะลูก” แม่เด็กกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดีใจ
วันต่อมาฉันก็นำนมทั้ง
2 ลังที่เก็บไว้มาให้กับแม่เด็ก เธอดีใจมาก กล่าวขอบคุณตลอด เห็นท่าทางของแม่เด็กที่แสดงความดีใจและเห็นหน้าตาที่น่ารักของเด็กแล้ว ฉันรู้สึกดีใจที่ตัวเองได้มีส่วนช่วยครอบครัวของเด็กคนนี้ได้พอควร ถึงแม้นม 2 ลังอาจจะกินได้ประมาณ 2 – 3 เดือนก็หมด แต่อย่างน้อยก็ลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวเขาได้
และเป็นความปลื้มใจที่เราได้ช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่าเรา
ทุกวันนี้แม่เด็กยังรับจ้างกวาดใบไม้ในวัดพระพุทธบาท และรับจ้างทั่วไป ส่วนเด็กก็อายุเกือบ 2 ขวบแล้ว หน้าตาน่าเอ็นดู เวลาที่ฉันเข้าไปนมัสการรอยพระพุทธบาทแม่เด็กก็จะเข้ามายกมือไหว้ทักทายและขอบคุณเราทุกครั้งที่เจอ
บันทึกเรื่องราวและประสบการณ์โดย
ไพรรินทร์ อินทรทรัพย์
ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
โรงพยาบาลพระพุทธบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น