1. ชื่อผลงาน : การพัฒนาความรู้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระพุทธบาทในการบริหารและติดตามยาความเสี่ยงสูง
2. คำสำคัญ : High Alert Drug, Practice guideline
3. สรุปผลงานโดยย่อ : คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัดได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการบริหารและติดตามการใช้ยาความเสี่ยงสูง เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย กลุ่มงานเภสัชกรรมได้ดำเนินการเผยแพร่นโยบายและแนวทางปฏิบัติแก่พยาบาลและมีการจัดอบรมให้ความรู้และประเมินผล พบว่าพยาบาลของโรงพยาบาล มีความรู้เกี่ยวกับยากลุ่มความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น
4. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร : กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลพระพุทธบาท จ.สระบุรี
5. สมาชิกทีม : คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด, ทีม PCT อายุรกรรม, ทีม PCT ศัลยกรรม,
ทีม PCT ศัลยกรรมกระดูก, PCT กุมารเวชกรรม, PCT EENT, PCT จิตเวช, PCT สูติ-นรีเวชกรรม,
กลุ่มงานเภสัชกรรม
6. เป้าหมาย : เพื่อเพิ่มองค์ความรู้และประเมินความรู้ของพยาบาลในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับยาความเสี่ยงสูง
7. ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ :
ยาที่มีความเสี่ยงสูง (HIGH ALERT DRUG) หมายถึง ยาที่ก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงแก่ผู้ป่วยซึ่งอาจถึงแก่ชีวิตได้หากเกิดความคลาดเคลื่อนทางยา คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด (PTC) เห็นความสำคัญของการจัดการยาความเสี่ยงสูงและมอบหมายให้แต่ละทีมนำทางคลินิก (PCT) ร่วมกับกลุ่มงานเภสัชกรรม กำหนดยาความเสี่ยงสูงของแต่ละ PCT และจัดทำแนวทางปฏิบัติในการบริหารยาและการติดตามการใช้ยาความเสี่ยงสูง (Clinical Practice Guideline of HAD) เพื่อเพิ่มความตระหนักของบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาความเสี่ยงสูง ป้องกันอุบัติการณ์การเกิดความคลาดเคลื่อนทางยาและผู้ป่วยเกิดความปลอดภัยจากการใช้ยาสูงสุด นอกจากนี้การจัดการยาความเสี่ยงสูงยังเป็นเกณฑ์มาตรฐานอย่างหนึ่งของโรงพยาบาลคุณภาพ
8. การเปลี่ยนแปลง : 1) ทีมนำทางคลินิกร่วมกับกลุ่มงานเภสัชกรรมกำหนดรายการยาความเสี่ยงสูงและแนวทางปฏิบัติในการบริหารและการติดตามยาความเสี่ยงสูง 20 รายการ ประกอบด้วย
- HAD ของทุก PCT : Potassium chloride injection
- PCT อายุรกรรม : Amiodarone injection (Cordarone), DoBUTamine injection, DoPAmine injection, Nitroglycerine injection (NTG), Sodium Nitroprusside injection (NTP), Streptokinase injection
- PCT ศัลยกรรม : Cyclophosphamide injection (Endoxan), Fluorouracil (5-FU) injection, Manitol injection, Methotrexate injection , Phenytion injection (Dilantin)
- PCT ศัลยกรรมกระดูก : Methylprednisolone (Solu-Medrol)
- PCT กุมารเวชกรรม : Aminophylline injection, DoPAmine injection , Fentanyl injection, Digoxin (elixer ,injection)
- PCT EENT : Neosynephrine eye drop
- PCT จิตเวช : Haloperidol injection
- PCT สูติ-นรีเวชกรรม : Magnesium sulfate injection
2) งานคลังเภสัชภัณฑ์ติดสติกเกอร์สะท้อนแสงสีส้มระบุข้อความ “High Risk” บน amp/หลอดยา
ความเสี่ยงสูงทุกอัน สำหรับ KCl มีข้อความเตือน “ต้องผสมให้เจือจาง และให้โดยการหยดเข้าเส้นเท่านั้น”
ความเสี่ยงสูงทุกอัน สำหรับ KCl มีข้อความเตือน “ต้องผสมให้เจือจาง และให้โดยการหยดเข้าเส้นเท่านั้น”
3) หน่วยจ่ายยามีการป้องกัน medication error ด้วยการทำแถบสีรายการยาความเสี่ยงสูงให้ต่างจากยาอื่นเพื่อป้องกันการ key ยาผิด ที่หน่วยจ่ายมีการแยก box ยาความเสี่ยงสูงออกจากยาอื่น(หรือเก็บในลิ้นชัก เช่น KCl) จัดทำ sticker ติดboxยาใช้สีแตกต่างจากยาอื่นป้องกันการหยิบยาผิด มีการบันทึกข้อความ“High Risk” บนใบยาเพื่อให้เภสัชกรเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจสอบยาก่อนจ่าย
4) งานเภสัชสนเทศมีการจัดทำ “ใบกำกับการใช้ยากลุ่มความเสี่ยงสูง” ซึ่งหน่วยจ่ายจะจ่ายคู่กับยาไปยังหอผู้ป่วยทุกครั้ง เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้พยาบาลสามารถใช้ประกอบในการบริหารยาและการติดตามผู้ป่วย นอกจากนี้ยังได้จัดทำ “คู่มือการใช้ยากลุ่มความเสี่ยงสูงซึ่งมีประจำอยู่ที่หอผู้ป่วย” และ “ข้อมูลยาความเสี่ยงสูงในระบบ intranet”เพื่อให้พยาบาลใช้เป็นแนวทางในการบริหารยา (ปัจจุบันปีงบประมาณ 2552 มีการปรับปรุงเป็นรูปแบบ “การ์ดกำกับการใช้ยากลุ่มความเสี่ยงสูง” โดยนำ “ใบกำกับการใช้ยากลุ่มความเสี่ยงสูง” แบบเดิมมาเคลือบพลาสติกใสและพยาบาลจะนำมาใช้เมื่อแพทย์สั่งบริหารยา ทำให้ช่วยลดปริมาณขยะและประหยัดทรัพยากร)
5) โรงพยาบาลมีการจัดซื้อ-จัดหาเครื่อง infusion pump ให้เพียงพอสำหรับทุกหอผู้ป่วย
6) ฝ่ายการพยาบาลร่วมกับฝ่ายโสตฯ จัดทำป้าย “มียาผสมในน้ำเกลือห้ามปรับ rate” เพื่อใช้แขวนขณะบริหารยา
7) เภสัชกรดำเนินการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับยาความเสี่ยงสูงแก่พยาบาล (ดำเนินการเดือนกันยายน 2550) และประเมินผลโดยการทดสอบก่อนและหลังการอบรม
9. การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง :
จากการประเมินพบว่าการให้ความรู้เกี่ยวกับยาความเสี่ยงสูงทั้งการเผยแพร่ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งการอบรมทำให้พยาบาลมีความรู้เกี่ยวกับยาความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น และลดอุบัติการณ์การเกิดความคลาดเคลื่อนจากยาความเสี่ยงสูง โดยในปีงบประมาณ 2550 ก่อนที่จะมีการอบรมให้ความรู้ พบรายงานความคลาดเคลื่อน 1 รายงาน คือ ที่ER ผู้ป่วยได้รับ NTG แทน Manitol จากการวิเคราะห์พบว่าเกิดจากขาดระบบ double check ที่ดี หลังจากได้มีการระบุข้อปฏิบัติให้เพิ่มการตรวจสอบ double check ก่อนบริหารยาอย่างเคร่งครัดร่วมกับการอบรมให้ความรู้และเผยแพร่แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับยาความเสี่ยงสูง จากการทบทวนอุบัติการณ์ปีงบประมาณ 2551 เป็นต้นมาพบว่ายังไม่เกิดอุบัติการณ์ความคลาดเคลื่อนของยาความเสี่ยงสูง
10. บทเรียนที่ได้รับ :
- แนวทางปฏิบัติในการบริหารยาและการติดตามการใช้ยาความเสี่ยงสูง (Clinical Practice Guideline of HAD) ที่เกิดจากความร่วมมือของสหสาขาวิชาชีพ เป็นการกระตุ้นให้เกิดการทำงานเป็นทีม ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมและเข้าใจ ส่งผลให้สามารถนำมาใช้ได้จริงในการปฏิบัติงาน
- การที่คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด (PTC) เห็นความสำคัญของการจัดการยาความเสี่ยงสูงเป็นการผลักดันให้เกิดการจัดทำแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานการรักษาของโรงพยาบาล รวมทั้งการสนับสนุนด้านการจัดซื้อ จัดหาอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นสำหรับการบริหารยาความเสี่ยงสูง เช่น infusion pump ให้เพียงพอเป็นการช่วยลดความคลาดเคลื่อนจากการบริหารยาส่งผลให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ป่วย
11. การติดต่อกับทีมงาน : คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด
โรงพยาบาลพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เบอร์โทรศัพท์ 036-266111 ต่อ 5122 , 5124
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น