วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รพ.พระพุทธบา่ท ออกหน่วยช่วยผู้ประสพภัยน้ำท่วม ที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

         โรงพยาบาลพระพุทธบาทได้จัดหน่วยเคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ตำบลหนองแก อำเภอพระพุทธบาท  จังหวัดสระบุรี  ในวันที่ 21 ตุลาตม 2553เวลา 14.00น


สรุปผลการดำเนินงานดังนี้
         1. จำนวนผู้รับบริการตรวจรักษาโรค โดยแพทย์ จำนวน 22 ราย
          2. ผู้รับชุดยาสำเร็จรูป  ประกอบด้วย ยาแก้ไข้  แก้หวัด ยารักษาน้ำกัดเท้า  ยารักษาผื่นคัน ผงเกลือแร่    โลชั่นทากันยุง  จำนวน  270  ราย
         3. สิ่งของบริจาคได้แก่  น้ำดื่ม  อาหารสำเร็จรูป  นมกล่อง  ขนม  จำนวน 1 คันรถบรรทุก  6 ล้อ

การเจ็บป่วยที่พบ  ได้แก่  ไข้เจ็บคอ  ปวดกล้ามเนื้อ  เวียนศีรษะ  อุบัติเหตุจากการขนของ  ผื่นคันตามตัว  ตาอักเสบ   อ่อนเพลียฯ

ความต้องการความช่วยเหลือของประชากร
                        1. ยาทากันยุง
                        2. ไฟฉาย
                        3. น้ำดื่ม
                        4. ยาทาผื่นคันและ น้ำกัดเท้า
                                                                     
         
             ระดับน้ำเพิ่มมากขึ้น หลังจาก 1 สัปดาห์ที่ออกหน่วยครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ต.ค.53  
ประชาชนต้องหนีน้ำ ทิ้งบ้านเรือน ที่จมอยู่ในน้ำขึ้นมาอาศัยอยู่บนถนน โดยใช้รถไถนาชนิดเล็กเป็นที่อาศัยหลับนอนแทนบ้าน     ใช้เรือพายแทนการเดินเท้าสัญจร 
             การออกหน่วยช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมที่ตำบลหนองแก รอบที่ 2 นี้ เมื่อวันที่  28 ตุลาคม 2553     ท่านผู้อำนวยการของเราลงตรวจเยี่ยมและมอบของช่วยเหลือประชาชน แพทย์หญิงนุชรินทร์  ตรวจสุขภาพร่างกาย  ทีมงานเวชกรรมสังคม บริการตรวจวัดความดันโลหิตเบื้องต้นและแจกยาสามัญและสิ่งของที่จำเป็น  ทีมเภสัชกรช่วยจัดแจกยาเฉพาะโรค ทีมสุขภาพจิตและสุขศึกษาให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต ทำให้ประชาชนรู้สึกดีขึ้นมีกำลังใจที่จะสู้กับภัยน้ำท่วมต่อไป



                  นางวรรณพร   สุขสุวรรณ์     ผู้รายงาน

วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พลังใจเสริม เพิ่มคุณภาพชิวิต พิชิตโรคถุงลมโป่งพอง

ปลายปี 2551 ห้องฉุกเฉินส่งผู้ป่วยวัย 63 ปี มาพบดิฉันโดยรถเข็น   เพื่อสอนวิธีการใช้ยาขยายหลอดลมชนิดพ่นสูด ดิฉันได้ทักทายสอบถามอาการของเธอ   จากการประเมินเธอยังพ่นยาไม่ถูกวิธี      จึงสอนและสาธิตให้เธอทดลองปฏิบัติหลายครั้ง  พร้อมทั้งให้กำลังใจจนเธอทำได้อย่างถูกต้อง     ดิฉันได้พูดเรื่องโรคคร่าว ๆ ให้เธอรับฟัง   ในขณะนั้นเธอยังมีสภาพที่ไม่พร้อมจะรับฟัง หลาย ๆ เรื่องในเวลาอันสั้น แต่ก็ได้แนะนำวิธีการเลิกบุหรี่กับเธอ

           ปี 2552 เดือนเมษายน  ดิฉันพบเธออีกครั้งที่ห้องให้คำปรึกษา เธอเดินเข้ามากอดดิฉัน แล้วพูดว่าเมื่อคืนฝันเห็นดีใจที่ได้เจอกันอีก เวลาหอบมาก ๆ ฝันเห็นทุกครั้ง เมื่อคืนเหนื่อยหอบมากทั้งคืน เช้านี้ถึงได้มาตรวจที่ห้องฉุกเฉิน   ดิฉันยืนงงอยู่ชั่วครู่หนึ่งจึงโอบกอดตอบ    ในการพบกันครั้งนี้สังเกตเห็นว่าเวลาพูดเธอมีอาการเหนื่อยหอบมากขึ้น    จึงพูดให้กำลังใจจนเธอรู้สึกผ่อนคลาย  อาการเหนื่อยหอบลดลง  และให้คำแนะนำเพิ่มเติม เกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่เป็นอยู่    สอนการบริหารปอด  การเลือกอาหารที่เหมาะกับอาการ   เทคนิคสงวนพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวัน  จากการพูดคุยทำให้ทราบว่าเธอใช้ชีวิตอยู่กับสามีเพียงลำพังฐานะยากจน    เวลามาโรงพยาบาลแต่ละครั้ง เดินจากบ้านมาถึงถนนเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลกว่า ๆ  อาการของเธออยู่ในระยะรุนแรงทำให้รู้สึกเห็นใจเธอมาก  จึงตั้งใจและเต็มใจที่จะทบทวนและเสริมพลัง สร้างแรงจูงใจให้มีพลังต่อสู้กับโรคที่เป็นอยู่    ได้เน้นความรู้ในการสังเกตอาการแรกเริ่มที่จะหอบ  การใช้ยาพ่นที่ถูกวิธีในตอนที่เริ่มมีอาการ   จะได้ไม่ต้องมาห้องฉุกเฉินบ่อย ๆ เพราะหนทางที่มาลำบากมาก   ครั้งนี้ดิฉันได้ปรับการใช้หลอดต่อที่ต่อกับยาพ่นสูดโดยเปลี่ยนเป็นชนิดแบบกระสวยเพื่อให้เหมาะสมกับอาการที่เป็นอยู่   พร้อมทั้งเน้นเรื่องเทคนิคในการเลิกบุหรี่ โดยให้เห็นคุณค่าของตัวเอง  ใช้ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วนและฝ่าฟันผ่านมาได้เป็นพลังกระตุ้น   ใช้คติเตือนใจว่าเราต้องทำได้เพื่อสร้างความเข้มแข็งของจิตใจตัวเอง     เธอพูดคุยชวนให้ไปที่บ้าน ดิฉันรับปากว่าจะหาโอกาสไปไห้ได้  เพราะว่าสิ่งแวดล้อมมีผลต่อภาวะโรคนี้เป็นอย่างมาก  
         
          คืนวันหนึ่งอากาศหนาวเย็นมาก   เธอเหนื่อยหอบทั้งคืน   เธอพ่นสูดยาขยายหลอดลมหลายครั้งแต่ไม่ดีขึ้นไม่รู้จะไปโรงพยาบาลอย่างไร     เหนื่อยจนลืมนึกถึงเบอร์ด่วนห้องฉุกเฉินที่ดิฉันเคยให้ไว้ รวมทั้งเบอร์มือถือที่ดิฉันเคยให้ไว้ก็หายไป จนเวลาสว่างจึงได้อาศัยรถข้างบ้านมาส่งที่โรงพยาบาลเธอบอกว่าตอนนั้นคิดว่าไม่รอดเสียแล้ว หอบมากจนต้องใส่ท่อช่วยหายใจเข้า ICU รู้สึกกระวนกระวายสับสนมาก ต่อมาอาการทุเลาลงมาอยู่ที่หอผู้ป่วยสามัญ ดิฉันทราบข่าวของเธอจากสามีของเธอ    ดิฉันนำผลไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือไปเยี่ยม   เธอดูอิดโรยพูดก็มีอาการเหนื่อย   มีเสมหะเหนียวข้นจึงสอนเทคนิคในการขจัดเสมหะที่ถูกวิธี    พร้อมทั้งให้กำลังใจ  ดูแววตาสีหน้าเธอแจ่มใสขึ้น  ต่อมาเธอก็ได้กลับบ้านเมื่ออาการทุเลาลง

2 เดือนต่อมา ดิฉันได้พบเธออีกครั้งเมื่อเธอมาตรวจตามนัด   และเข้ามาพบดิฉันที่ห้องให้คำปรึกษา คราวนี้เธอดูไม่เหนื่อยหอบ เหมือนครั้งก่อนแล้ว ได้ทบทวนในรายละเอียดที่เคยให้คำแนะนำ พร้อมทั้งประเมินการพ่นยา เธอก็ปฏิบัติได้ถูกต้อง เธอได้กล่าวชวนให้ไปเที่ยวบ้านเธอ เธอบอกว่าบ้านเธอจนมาก  ดิฉันบอกกับเธอว่าอยากไปเที่ยวเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวรังเกียจ เรื่องฐานะ   แล้วเราก็นัดกัน 

          เมื่อเธอกลับไปแล้ว ดิฉันประสานงานกับสถานีอนามัยที่ใกล้บานของผู้ป่วย เพื่อประสานความร่วมมือในการดูแลผู้ป่วย  ในเดือนสิงหาคม 2552 ดิฉันและทีมได้ไปเยี่ยมบ้านของเธอ  ซึ่งเป็นกระท่อมเล็ก ๆ  สร้างจากวัสดุที่หาได้ในละแวกนั้น   ที่พบก่อนคืออุปกรณ์ทำครัววางด้านนอกหน้าบ้าน  ด้านข้างบ้านกั้นสังกะสีเป็นที่อาบน้ำ  การปลดทุกข์ต้องเข้าไปในป่าใกล้ ๆ    เมื่อเข้าไปในบ้าน   มีที่นอนวางบนผ้ายางปูกับพื้นดิน  มีมุ้งขาด ๆ ปะแล้วปะอีกกางครอบอยู่   เห็นโถส้วมวางคว่ำอยู่ด้านหลัง  เธอบอกว่าไม่มีเงินซื้อหิน ปูน ทราย  ทำให้ทีมงานรู้ในคราวนี้ว่าบ้านนี้ไม่มีส้วม ในครั้งนี้ไปแนะนำการจัดสิ่งแวดล้อมในที่พัก  และทบทวนการดูแลตนเองอย่างละเอียดอีกครั้ง   ครั้งนี้ได้ทราบความเป็นอยู่ของสามีที่สูบยาเส้นจัด  และได้รู้ว่าสามีและเธอทำอาชีพ เผาถ่าน หาหน่อไม้ เก็บผักขาย   อีกครั้งที่เน้นย้ำเรื่องให้เลิกสูบยาเส้น  สามีของเธอไม่ค่อยสนใจนัก 
          
           หลังจากนั้น  ดิฉันจึงกลับไปประสานกับสถานีอนามัยอีกครั้งเพื่อปรึกษาร่วมกัน ในการหาแนวทาง ช่วยเหลือเธอ ทางสถานีอนามัยจึงได้รับความอนุเคราะห์ ความเมตตา จากท่านเจ้าอาวาสวัดซับชะอมที่อยู่ในระหว่างการสร้างอุโบสถ  ท่านจึงบริจาคอุปกรณ์ก่อสร้าง หิน ปูน ทราย มาให้เธอในการก่อสร้างส้วม โดยเธอติดต่อให้บุตรชายที่เป็นยามที่ต่างจังหวัดมาก่อสร้างส้วมให้ เธอจึงได้ปลดทุกข์ได้อย่างถูกสุขลักษณะ เธอรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือเธอ


ต่อมาได้ไปเยี่ยมบ้านเธออีก ขณะที่เยี่ยมเธอได้ยินเสียงระเบิดหินเป็นระยะ ๆ   เธอบอกว่าบางทีก็ระเบิดกลางวัน บางทีก็ระเบิดกลางคืนชินเสียแล้วถ้าไม่หอบก็จะนอนหลับได้    สักพักก็ได้กลิ่นเผาไหม้ยาเส้น นั่นเป็นกลิ่นจากที่สามีเธอจุดสูบ ดิฉันจึงโน้มน้าวชักจูงให้สามีเธอเลิกสูบยาเส้น   โดยตัวเธอเป็นสื่อกลาง และเป็นตัวอย่างที่ดีกับสามีเธอ เพราะเธอบอกว่าเธอเลิกสูบมาได้ 1 เดือนแล้ว วันที่เธอตัดสินใจเลิกสูบแน่นอนคือ วันที่ดิฉันและทีมงานไปเยี่ยมบ้าน ใช้ลูกอม อมแก้ความอยากประมาณ 1 อาทิตย์ ก็ได้ผลเธอดีใจที่ทำได้สำเร็จ เธอบอกว่า ทุกอย่างจะสำเร็จได้เมื่อใจมุ่งมั่น อดทน และตั้งใจจริง

          หลังจากนั้นดิฉันร่วมกับนักวิชาการสุขศึกษาของโรงพยาบาล พยาบาลด้านจิตเวช
ประจำแผนกเวชกรรมสังคมได้ประสานความร่วมมือกับสถานีอนามัยซับชะอม
ในโครงการเลิกบุหรี่  โดยจัดกลุ่มในชุมชน    เธอเป็นสมาชิกในกลุ่ม ที่เป็นแบบอย่าง
ในการเลิกสูบยาเส้น    ขณะนี้มีผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านของเธอสามารถเลิกบุหรี่
เพิ่มขึ้นอีก 4 คน    เธอรู้สึกภูมิใจที่เธอสามารถเป็นประโยชน์กับผู้อื่นได้

         การเยี่ยมบ้านครั้งล่าสุด   ดูเธอสดชื่นแข็งแรง   เดินคล่องแคล่ว ทำงานบ้านได้ไม่หอบ เดินได้ไกล ปลูกผักสวนครัวไว้ขายได้ กินได้นอนหลับดี   เธอบอกว่า  "ไม่กลับไปสูบยาเส้นอีกแล้ว    เลิกได้เบาตัว   สมองโล่งสดชื่น เดิมตอนที่สูบอยู่หัวมึนตื้อไปหมด"    เธอบอกว่า  เมื่อเธอเหนื่อยเธอจะส่งกระแสจิตถึงดิฉันแล้วจะรู้สึกไม่ท้อ   เธอบอกว่าสงสัยในชาติที่แล้วคงจะทำบุญร่วมกันมา     ก่อนกลับเธอกระซิบข้างหูดิฉันว่า ถ้าตายอย่าลืมมาเผาฉันนะ ดิฉันพยักหน้าและกล่าวว่า  วันนั้นคงอีกนาน ถ้าปฏิบัติตัวดีอย่างนี้    ดิฉันและเธอได้สวมกอดกันก่อนจะลาจากกันด้วยความประทับใจ

          ดิฉันได้สัมผัสชีวิตของหญิงคนหนึ่งที่ เกิดในครอบครัวแตกแยก  ยากจน  มีอาชีพรับจ้างทั่วไป  ในวัย 63 ปี มีโรคเรื้อรังและยังต้องหาเลี้ยงชีพดูแลตัวเองและสามี    สิ่งที่ทำให้มีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้คือ  "ทุกอย่างจะสำเร็จได้เมื่อใจมุ่งมั่น อดทน และตั้งใจจริง"

          ระยะเวลาของการผจญกับโรคที่เป็นอยู่จะนานเพียงไหนไม่มีใครทราบ    แต่ปัจจุบันเธอพร้อมเสมอที่จะพบกับมัน   สมกับเป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งที่ตั้งใจและมุ่งมั่น จนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  


                                      ผู้เล่า : นางรุ่งฤดี     พันธุ์ประเสริฐ      พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ
                                                                               โรงพยาบาลพระพุทธบาทสระบุรี

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

การพัฒนาระบบป้องกันการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการแพ้ยาซ้ำ ในโรงพยาบาลพระพุทธบาท

1. ชื่อผลงาน : การพัฒนาระบบป้องกันการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาซ้ำ                        
ในโรงพยาบาลพระพุทธบาท

2. คำสำคัญ : อาการไม่พึงประสงค์จากยา  แพ้ยา แพ้ยาซ้ำ

3.สรุปผลงานโดยย่อ : พัฒนาและปรับระบบโดยดำเนินการทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อให้สามารถค้นพบการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยให้ครอบคลุม ส่งผลให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยในการใช้ยา ไม่เกิดแพ้ยาซ้ำ ในโรงพยาบาลพระพุทธบาท

4. ชื่อและที่อยู่องค์กร : คณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด โรงพยาบาลพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี

5. สมาชิกทีม : คณะกรรมการการติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา

6. เป้าหมาย :    อุบัติการณ์การแพ้ยาซ้ำ  = 0  

7.ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ
เป้าหมายหลักของการใช้ยาในการบำบัดรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น คือการใช้ยาให้เกิดประสิทธิผลและมีความปลอดภัยสูงสุด ในขณะที่ยาให้ผลในการรักษานั้น อีกด้านหนึ่งก็อาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งพบได้ตั้งแต่ผลกระทบเล็กน้อยจนรุนแรงถึงเสียชีวิต การดำเนินงานของโรงพยาบาลที่ผ่านมาในช่วงแรกมีลักษณะในเชิงตั้งรับ คือเมื่อบุคลากรสาธารณสุขพบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา จะแจ้งมายังกลุ่มงานเภสัชกรรม เพื่อให้เภสัชกรทำการประเมิน เก็บรวบรวมประวัติและรวบรวมข้อมูลส่งคณะกรรมการอาหารและยา แต่จากการทบทวนอุบัติการณ์การเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาปีงบประมาณ 2549 ที่ผ่านมา พบอุบัติการณ์แพ้ยาซ้ำ 4 ราย ซึ่งมีสาเหตุจากระบบของโรงพยาบาลจำนวน 3 ราย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนด และความล่าช้าในการบันทึกข้อมูลแพ้ยาในคอมพิวเตอร์
ดังนั้นคณะกรรมการติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาโรงพยาบาลพระพุทธบาท  จึงได้ทำการพัฒนาและปรับระบบ โดยดำเนินการทั้งในเชิงรับได้แก่ 1) ระบบ spontaneous report และเชิงรุกได้แก่ 2) ระบบการคัดกรองประวัติแพ้ยา(screening) เพื่อให้สามารถค้นพบอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นและครอบคลุม ป้องกันการเกิดแพ้ยาซ้ำ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัยในการใช้ยามากขึ้น

 8.การเปลี่ยนแปลง :
-จัดระบบให้ผู้ป่วยทุกคนทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในได้รับการสัมภาษณ์ประวัติการแพ้ยาจากทั้งพยาบาล แพทย์ผู้สั่งยา และเภสัชกรขณะส่งมอบยา โดยที่ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยาทุกรายต้องได้รับการประเมินและบันทึกประวัติการแพ้ยาโดยเภสัชกร เพื่อเข้าระบบป้องกันการแพ้ซ้ำ
-ประชุมชี้แจงแนวทางดังกล่าวให้แก่แพทย์ เภสัชกร พยาบาลแผนกผู้ป่วยนอก และพยาบาลหัวหน้าหอผู้ป่วย 
-ประสานกับเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์เพื่อให้ข้อมูลยาที่ผู้ป่วยแพ้ แสดงบน ใบสั่งยา , ใบจัดยา  , Doctor’s  order sheet , Kardex  และ ใบ MAR
- กำหนดให้เภสัชกรตรวจสอบความสมบูรณ์ในการบันทึกข้อมูลแพ้ยาในคอมพิวเตอร์
          - ทบทวนอุบัติการณ์การแพ้ยาซ้ำ โดยทีมสหสาขาวิชาชีพ 
         - พัฒนาช่องทางการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยแพ้ยาจากโรงพยาบาลชุมชนในครือข่ายมาที่โรงพยาบาลพระพุทธบาทเพื่อเข้าระบบป้องกันแพ้ยาซ้ำในเครือข่าย

9. การวัดผลและผลการเปลี่ยนแปลง :
ในปีงบประมาณ 2550 พบอุบัติการณ์ ผู้ป่วยแพ้ยาซ้ำ จำนวน 2 ครั้ง ในปีงบประมาณ 2551 และ
2552 ไม่พบอุบัติการณ์ ผู้ป่วยแพ้ยาซ้ำ
จำนวนผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยาได้รับการประเมินและบันทึกประวัติการแพ้ยาโดยเภสัชกร  ตั้งแต่
ปีงบประมาณ 2549 - 2552 จำนวน 1,638 ราย ดังแสดงในกราฟ

-สามารถป้องกันปัญหาการแพ้ยาซ้ำ แพ้ยาข้ามกัน ในผู้ป่วยที่แพทย์สั่งใช้ยาที่ผู้ป่วยแพ้หรือให้ประวัติแพ้ยา จำนวน  52 ราย คิดเป็นร้อยละ 3.17 ( ป้องกันแพ้ยาซ้ำ  23  ราย และป้องกันการแพ้ยาข้ามกัน 29  ราย ) เฉลี่ยปีละ 13.5 ราย  หากเกิดการแพ้ยาที่รุนแรงต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา  คิดเป็นเงินประมาณ 8.2 แสนบาท (คำนวณจากค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาอาการแพ้ยารุนแรง  15,858   บาท/ราย ในปีงบประมาณ 2551)



จำนวนผู้ป่วย
 
- ในปีงบประมาณ 2552 มีผู้ป่วยแพ้ยาที่พบในโรงพยาบาลชุมชนเครือข่ายจำนวน 158 ราย ซึ่งถูกส่งต่อมาที่โรงพยาบาลพระพุทธบาท ดังแสดงในกราฟ  โดยที่ผู้ป่วยจำนวน  95 ราย  คิดเป็นร้อยละ 60.12 ได้ถูกนำมาเข้าระบบป้องกันแพ้ยาซ้ำในโรงพยาบาลพระพุทธบาท เนื่องจากมีประวัติรับการรักษาในโรงพยาบาล


10. บทเรียนที่ได้รับ :
          การทบทวนข้อมูลอุบัติการณ์การแพ้ยาในภาพรวมทั้งหมด และอุบัติการณ์การแพ้ยาซ้ำเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์สำหรับค้นหาโอกาสพัฒนาส่งผลให้ผู้ป่วยปลอดภัยในการใช้ยา
-  แผนที่จะดำเนินการต่อเนื่อง คือ การพัฒนาระบบเฝ้าระวังในเครือข่ายโรงพยาบาลพระพุทธบาท
ได้แก่ โรงพยาบาลชุมชน และสถานีอนามัย ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลให้เข้มแข็งขึ้น
11. การติดต่อกับทีมงาน : คณะกรรมการการติดตามอาการไม่พึงประสงค์จากยา
โรงพยาบาลพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เบอร์โทรศัพท์ 036-266111 ต่อ 5122 , 5124






การดูแลมารดาวัยรุ่น

1. ชื่อผลงาน  :  การดูแลมารดาวัยรุ่น


2. คำสำคัญ :  การเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลมารดาวัยรุ่น

3. สรุปผลงานโดยย่อ : พัฒนาการการดูแลมารดาวัยรุ่นแบบครบวงจรตั้งแต่ระยะฝากครรภ์จนถึงดูแลต่อเนื่องที่บ้าน

4. ชื่อและที่อยู่ขององค์กร : โรงพยาบาลพระพุทธบาท  จ. สระบุรี

5. สมาชิกทีม : สมาชิกทีม PCT สูติ-นรีเวชกรรม

6. เป้าหมาย : เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของมารดาและทารก

7. ปัญหา และสาเหตุโดยย่อ :
       จากการให้บริการพบว่ามีหญิงตั้งครรภ์มาคลอดอายุระหว่าง12 -19 ปี เพิ่มมากขึ้น จากปี 2549 ร้อยละ 11.72  ปี 2550  ร้อยละ 15.21 และมีจำนวนหญิงตั้งครรภ์มีอายุน้อยลง ในปี 2549 พบมารดาอายุ 12 ปี จำนวน 2 ราย  ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2548 พบ 1 ราย    จากโครงการการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ปี 2549  พบปัญหาความไม่พร้อมด้านอารมณ์ของมารดา  ร้อยละ 19.4% และมีจำนวน 3 รายที่ต้องมีการเฝ้าระวังและให้การดูแลต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเกิดแนวโน้มในการทอดทิ้งทารก ขณะคลอดมารดาไม่สามารถเผชิญความเจ็บปวดได้และไม่ให้ความร่วมมือในการคลอด เกิดหัตถการในการทำคลอดเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ระยะหลังคลอดพบว่าไม่สามารถดูแลตนเอง ต้องกลับมารักษาซ้ำจำนวน 2 ราย เนื่องจากไม่รู้วิธีการดูแลเต้านม  ส่วนทางด้านสังคมยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้เอง ยังต้องพึ่งพาครอบครัวในเรื่องการเลี้ยงดูทารกและการศึกษาของตนเอง ซึ่งส่งผลต่อสัมพันธภาพระหว่างมารดาทารกลดลง

8. การเปลี่ยนแปลง :
8.1  มีการให้ความรู้และส่งเสริมการป้องกันเชิงรุกในเขตโรงเรียนระดับมัธยมและโรงเรียนขยายโอกาสในพื้นที่รับผิดชอบ  เช่น  โรงเรียนท้ายพิกุล  โรงเรียนสุธีวิทยา   เป็นต้น
8.2 จัดโปรแกรมการดูแลและให้ความรู้แก่มารดาและครอบครัวในระยะฝากครรภ์   ระยะหลังคลอดและมีระบบส่งต่อเพื่อการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ในรายที่มีความซับซ้อนจะมีการติดตามเยี่ยมมารดาวัยรุ่น โดยพยาบาลวิชาชีพชำนาญการที่มีความรู้ด้านสุขภาพจิต
8.3 มีระบบพี่เลี้ยง (Coaching) ในการช่วยคลอด
8.4 มีการดูแลร่วมกันโดยทีมแพทย์  พยาบาล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการที่มีความรู้ด้านสุขภาพจิตและนักสังคมสงเคราะห์

 

9.     การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง :

จากการพัฒนาการการดูแลมารดาวัยรุ่นแบบครบวงจรตั้งแต่ระยะฝากครรภ์จนถึงดูแลต่อเนื่องที่บ้าน  พบว่า จำนวนมารดาวัยรุ่นยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อัตราการฝากครรภ์สูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ97.29 ภาวะซีดพบลดลง การเกิดภาวะbirth asphyxia ลดลง  หัตถการช่วยคลอดลดลงปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 5.40  ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าแนวทางที่ปฏิบัติน่าจะมีแนวโน้มที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีข้อที่ต้องพัฒนาต่อ คือเรื่องการคลอดก่อนกำหนด


10. บทเรียนที่ได้รับ
-     การฝากครรภ์มีผลดี  สามารถช่วยให้ผู้ป่วยรู้และเข้าใจการปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์ดีขึ้น  สังเกตจากพบภาวะซีดลดลง
            -      ภาวะซีดในมารดาอาจส่งผลกระทบให้ทารกมีน้ำหนักตัวน้อยได้
            -     มารดาและทารกปลอดภัย  ผู้ป่วยและญาติเกิดความพึงพอใจและให้ความร่วมมือในการรักษา   
            -    ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น และสามารถกลับไปอยู่ในครอบครัวและสังคมได้
-    การทำงานเป็นทีม ทำให้งานมีประสิทธิภาพและผลลัพธ์การดูแลครอบคลุมมากขึ้น

11. การติดต่อกับทีมงาน : PCT สูติ-นรีเวชกรรม  โรงพยาบาลพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 18120   โทรศัพท์  036 -266111โดยการประชุมร่วมกัน การติดต่อประสานงาน การลงพื้นที่ร่วมในการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน



C3THER เพื่อเธอ

1.  ชื่อผลงาน : C3THER เพื่อเธอ

2.  คำสำคัญ : C3THER  ทีมสหสาขาวิชาชีพ  การเสริมพลัง

3.  สรุปผลงานโดยย่อ ทบทวนคุณภาพการดูแลที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง

4.  ชื่อและที่อยู่ขององค์กร :  PCT กุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพระพุทธบาท จ.สระบุรี
5.  สมาชิกทีม :1.   กุมารแพทย์
2.      นักกายภาพบำบัด
3.      นักโภชนาการ
4.      พยาบาลจากศูนย์สุขภาพชุมชน
5.      พยาบาลหอผู้ป่วยเด็ก1 และเด็ก2

6.  เป้าหมาย ผู้ป่วย Cerebral palsy

7.  ปัญหาและสาเหตุโดยย่อ :
               น้องเฟิร์นเป็น Cerebral palsy มาตั้งแต่เกิด  พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธออายุได้ 3 ปี ทิ้งเธอให้อยู่กับยายซึ่งมีอาชีพนวดแผนโบราณตามบ้านและน้าสะใภ้ แม้ว่าเธอจะพิการทางสมองเป็นภาระอย่างมากสำหรับผู้ดูแล  แต่ก็เป็นที่รักของทุกคน ตลอดระยะเวลา 9 ปีเธอต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอยู่เสมอด้วยปัญหา Pneumonia
   เดือนมกราคม 2551 น้องเฟิร์น Admit ด้วย Pneumonia , Upper GI bleed ที่ PICU  หลังจากที่หย่าเครื่องช่วยหายใจได้ย้ายมาที่ตึกเด็ก1  เธอยังมีอาการเกร็งบ่อยครั้ง มีไข้แม้จะให้ antibiotic อย่างเต็มที่ PCT กุมารเวชกรรม จึงได้ประชุมทำ C3THER ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยกุมารแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ พยาบาลจากศูนย์สุขภาพชุมชน 
   จากการทบทวนการดูแลรักษาพบว่า เธอมีภาวะขาดสารอาหาร  มีเสมหะมากเสี่ยงต่อการสูดสำลัก อาการมีแต่ทรงกับทรุด  ญาติมีความหวังว่าผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน โดยขออยู่โรงพยาบาลไปเรื่อยๆ รอให้ผู้ป่วยมีสภาพเหมือนก่อนมานอนโรงพยาบาลครั้งนี้ คือ ป้อนอาหารทางปากได้ ไม่มีไข้ ไม่หอบ ไม่ชักเกร็ง ซึ่งจากพยาธิสภาพของโรค ทีมผู้ดูแลทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้ ทุกคนจึงมุ่งมั่นให้น้องเฟิร์นได้รับการดูแลและวางแผนจำหน่ายอย่างดีที่สุด มีอะไรที่ควรดำเนินการให้เธอแล้วยังไม่ได้ให้  เพื่อให้สามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวได้อย่างปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจนต้องกลับมา Admit อีก 

 8.  การเปลี่ยนแปลง :
              นำไปสู่การเปลี่ยนยาระงับอาการชัก การปรับสูตรอาหาร การเสริมพลังญาติให้เชื่อว่าตนมีความสามารถในการดูแลเด็กที่บ้าน โดยการสอนการให้อาหารทางสายยาง จัดหาเครื่อง suction และเครื่องพ่นยา สำหรับให้ยืมไปใช้ที่บ้าน นำเครื่องมาให้ญาติฝึกใช้ให้ชำนาญขณะอยู่ที่หอผู้ป่วย ใช้เวลา 2 สัปดาห์น้องเฟิร์นก็สามารถกลับบ้านได้ 1 สัปดาห์ต่อมากุมารแพทย์ พยาบาลและพยาบาลศูนย์สุขภาพชุมชนไปเยี่ยมเธอที่บ้าน  เป็นที่น่าแปลกใจว่าน้องเฟิร์นหน้าตาแจ่มใส ไม่เคยมีไข้ มีเกร็งบ้างเล็กน้อย  เสมหะลดอย่างมาก แทบไม่ได้ใช้เครื่องดูดเสมหะ Feed อาหารรับได้หมด   Lung clear  หลังจากนั้นพยาบาลศูนย์สุขภาพชุมชนไปเยี่ยมเธอที่บ้านทุก 1 เดือน 

9.  การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง :
            น้องเฟิร์นไม่ได้กลับมา Admit อีกเลย  ทีมได้ติดตามอาการจากญาติเมื่อมารับยาให้น้องเฟิร์น ทราบว่าเธอสบายดี ท่ามกลางความรักของทุกคนในบ้าน

10. บทเรียนที่ได้รับ แนวคิดเรื่องการทบทวนคุณภาพการดูแลที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ทุกวัน โดยการตั้งคำถาม C3THER

11. การติดต่อกับทีมงาน PCT กุมารเวชกรรม  โรงพยาบาลพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 18120   โทรศัพท์  036 -266111

การพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใ

ฝากข้อความไว้เมื่อ : 28 เมษายน 2552 เวลา 9:51:27 | หมายเลขIP : 127.0.0.1 ตอบกลับพร้อมข้อความเดิม

1.  ชื่อผลงาน   การพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ

2.  คำสำคัญ :  การพัฒนาคุณภาพ, การเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ

3.  สรุปผลงานโดยย่อ : พัฒนาการป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ

4.  ชื่อและที่อยู่ขององค์กร : โรงพยาบาลพระพุทธบาท  จ. สระบุรี

5.  สมาชิกทีม : คณะกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลพระพุทธบาท

6.  เป้าหมาย : ลดอุบัติการณ์การเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจให้น้อยกว่า 15 ครั้งต่อ 1,000 วันที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ

7.  ปัญหา และสาเหตุโดยย่อ :
            จากข้อมูลการเฝ้าระวังการติดเชื้อในโรงพยาบาลพระพุทธบาท พบอุบัติการณ์ VAP 20.53 ครั้งต่อ1,000 วันที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ สูงกว่าเกณฑ์ที่โรงพยาบาลกำหนด (15 ครั้งต่อ 1,000 วันที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ) ซึ่งส่งผลกระทบในหลายด้าน  จึงถือว่าเป็นปัญหาที่ควรได้รับการพัฒนาคุณภาพเพื่อป้องกัน การเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ

8.  การเปลี่ยนแปลง :
          -  ทบทวนการวินิจฉัยการติดเชื้อในโรงพยาบาลให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
 ทบทวนปัญหาเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยในด้านบุคลากร  และด้านอุปกรณ์
-  ทบทวนแนวปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
-  พัฒนาบุคลากร   จัดประชุมเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในเรื่อง
                        การป้องกัน VAP  และเทคนิคการดูดเสมหะ
การดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
การดูแลการทำงานของเครื่องช่วยหายใจ
            -  ปรับปรุงการปฏิบัติ      
                  การทำความสะอาดช่องปาก โดยใช้น้ำต้มสุก หรือ sterile water แทนน้ำประปา
     :  การทำความสะอาด และการเปลี่ยนชุด Ambu bag ประจำวัน และเมื่อสิ้นสุด case
     :  การจัดรถสำหรับใส่อุปกรณ์ดูดเสมหะ และการทำความสะอาดอุปกรณ์ดูดเสมหะ
     :  สนับสนุนอุปกรณ์การทำความสะอาดมือ
     :  ศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ 
-  การกระตุ้นเป็นระยะๆ  เมื่อพบว่าอุบัติการณ์การเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจสูงขึ้น

9.  การวัดผลและผลของการเปลี่ยนแปลง


ผลการพัฒนา  นำแผนภูมิควบคุมทางสถิติ (Statistical Control Chart) มาใช้ติดตามผลเมื่อมีการปรับปรุงระบบงานไปแล้ว แสดงระดับข้อมูลตัวชี้วัดคุณภาพตามลำดับที่เกิดเหตุการณ์ ประกอบด้วย  ได้แก่  ค่าเฉลี่ย ( Mean )   และระดับควบคุม  (Control Limit )   ซึ่งจะใช้ดูความไม่แน่นอน และประเมินความคงตัวของระบบหรือกระบวนการ ใช้ดูแนวโน้มของการพัฒนาว่าเป็นอย่างไร 


10.  บทเรียนที่ได้รับ
          การป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ ควรป้องกันตั้งแต่
การไม่ให้ผู้ป่วยต้องใส่ท่อ และใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยการทำงานในระบบเชิงรุก และทำงาน
เป็นแบบสหสาขาวิชาชีพ โดย
1. การกำหนดแนวทางการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ  ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ COPD, Asthma โรคความดันโลหิตสูง โรค CVA โรคเบาหวาน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง  ตลอดจนการส่งเยี่ยมบ้านในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน และควบคุมอาการไม่ได้
            2. การนำหลักฐานเชิงประจักษ์ และผลงานวิจัยมาใช้ในการประเมินผู้ป่วยเพื่อการหย่าเครื่องช่วยหายใจ (weaning protocal)
-  จัดอบรมบุคลากร กลุ่มเป้าหมาย คือ พยาบาลผู้ดูแลผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจรวมถึงผู้ที่สนใจ
-  ประเมินผู้ป่วยเพื่อการหย่าเครื่องช่วยหายใจ ในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจทุกราย โดยใช้แบบประเมินที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
-  ติดตามและประเมินผลการใช้แบบประเมิน และผู้ป่วย โดยคุณสำราญ  จันทร์พงษ์

11. การติดต่อกับทีมงาน งานป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี 18120   โทรศัพท์  036 -266111